วันเสาร์ที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2555
เพชรพญานาค
ตำนานการก่อกำเนิดเพชรนาคา
นับย้อนหลังนานแสนนานไปในสมัยพุทธกาลแห่งองค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้า "กัสสโป" ซึ่งได้ลงมาตรัสรู้พระโพธิญาณเพื่อรื้อขนสัตว์ข้ามห้วงวัฏฏะสงสารในมหาภัทรกัปนี้ (ที่มีพระพุทธเจ้าลงมาตรัสรู้ 5 พระองค์ พระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันเป็นองค์ที่ 4) ทำให้เกิดความสั่นสะเทือนกึกก้องไปทั่วหมื่นโลกธาตุอนันตจักรวาลด้วยพระบารมีแห่งพระโพธิญาณองค์มหาพระโพธิสัตว์
เกิดเหตุการณ์อัศจรรย์บังเกิด “ฝนโบกพรรษ” ตกลงมา ใครใคร่ให้เปียกก็เปียกใครใคร่ไม่เปียกก็ไม่เปียก ด้วยพระบุญญาธิการแห่งองค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้ากัสสโป เมื่อได้ตกลงมาสู่พื้นพสุธาบางส่วนได้ประมวลตัวรวมธาตุดึงดูดธาตุทั้งสี่ คือ ธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุลม ธาตุไฟ จนบังเกิดก่อกำเนิดเป็น “เพชรเจ็ดสีมณีเจ็ดแสง” ธาตุกายสิทธิ์ขึ้นมา มีรัศมีสว่างไสวเปล่งประกายรัศมีถึง 7 สี ส่องแสงสว่างไปทั้งกลางวันและกลางคืนนับเป็นเวลา 7 วัน 7 คืน
รัศมีแห่งเพชรเจ็ดสีมณีเจ็ดแสงนี้ ส่องสว่างครอบคลุมจนไปถึงนครใต้บาดาล ดลบันดาลทำให้เกิดแสงสว่างเป็นรัศมี 7 ประกา รกลบรัศมีแสงสว่างอัญมณีพลอยอันมีค่าต่างๆ ที่อยู่ในนครบาดาลทั้งหมด จนเกิดความแตกตื่นโกลาหลไปทั่วทั้งนครบาดาล จนเหล่านาคีนาคาผู้ที่มีฤทธิ์ ต่างหาสาเหตุต่างๆ นาๆ ถึงเหตุการณ์อันอัศจรรย์ใจนี้
จนทำให้กษัตริย์ผู้ครองเมืองนครบาดาลทั้ง 7 เมืองนามว่า “พญานาคราชสุนันโท” กษัตริย์ผู้เป็นใหญ่ผู้ครองเมืองนครบาดาล ที่มีเหล่าบริวารนาคีนาคาผู้มีฤทธิ์อำนาจกำลังแห่งตนมากมายนับไม่ถ้วน ได้ใช้กำลังบุญฤทธิ์ของตนอธิษฐาน ขอให้รู้ถึงสาเหตุของปรากฏการณ์อัศจรรย์ใจในครั้งนี้
ด้วยเหตุของกำลังบุญฤทธิ์ที่ได้สร้างสะสมมานานในสมัยอดีตที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ได้พบพระพุทธศาสนาและได้บวชเรียนเป็นพระภิกษุสาวกแห่งองค์สมเด็จสัมมาสัมพ ุทธเจ้าในอดีตกาล ซึ่งได้ตั้งจิตอธิษฐาน จะขอทะนุบำรุงรักษาพระพุทธศาสนา ก่อนที่จะละสังขารตายลง (ขอเว้นในเหตุของกฏแห่งกรรมที่ทำให้กำเนิดเป็นพญานาคผู้มีฤทธิ์)
ด้วยเหตุนี้เองทำให้ล่วงรู้ถึงการก่อกำเนิดแห่ง “เพชรเจ็ดสีมณีเจ็ดแสง” ด้วยอำนาจผลบุญบารมีแห่ง พระโพธิญาณขององค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้า และรู้ถึงหน้าที่ของตนเองที่ได้อธิษฐานเอาไว้ พญานาคราชสุนันทโทผู้เป็นใหญ่ได้แสดงฤทธิ์อำนาจ แทรกแผ่นดินขึ้นมาพร้อมกับเหล่าบริวารทั้งหลาย ขึ้นมาสู่พื้นปัฐพีมาดูต้นเหตุอัศจรรย์อันที่ทำให้เกิดความอัศจรรย์ไปทั่วพื้นพิภพใต้บาดาล
ท่านพญานาคราชสุนันโทได้มีคำสั่งให้เหล่าบริวารทั้งหลาย ต่างแสดงฤทธิ์อานุภาพอัญเชิญไปเก็บรักษาเพื่อประโยชน์ต่อพระพุทธศาสนาสืบต่อไป เหล่านาคีนาคาบริวารทั้งหลายต่างก็อัญเชิญไปเก็บตามถ้ำตามภูเขา หมวดหมู่ที่พวกตนได้สิ่งสถิตย์พักอาศัยอยู่
ส่วนหนึ่งก็ได้นำดินสีต่างๆ มาพอกหุ้มเพชรนาคาหรือเพชรเจ็ดสีมณีเจ็ดแสงเอาไว้ เพื่อให้รอดพ้นจากสายตาหรือน้ำมือจากพวกมนุษย์ ใจคิดคดไม่อยู่ในศีลในธรรม หรือจากเหล่าเทพพรหมที่เป็นมิจฉาทิฐิ ให้เห็นเป็นเพียงก้อนดินก้อนหินธรรมดา อีกกลุ่มหนึ่งได้นำไปไว้ในถ้ำที่ลึกลับ ที่ยากจะเข้าไปได้นำไปประดิษฐสถานเอาไปไว้ในแอ่งน้ำต่างๆ ภายในแต่ละถ้ำที่เห็นสมควร พร้อมกับทั้งอธิษฐานบดบังรัศมีแห่งแก้วนี้เสีย จนรอเมื่อถึงเวลาที่จะต้องทำประโยชน์ต่อพระพุทธศาสนาสืบต่อไป
รูปร่างสัณฐานสีสันของเพชรนาคา
"เพชรนาคา" หรือ "เพชรเจ็ดสีมณีเจ็ดแสง" นั้น มีรูปร่างหลายสัณฐานหลายขนาดหลายสีสัน เพชรนาคาสามารถที่จะแบ่งออกได้เป็น 3 สัณฐานใหญ่คือ
1. สัณฐานลูกรักบี้ จะมีรูปร่างกลมยาวเรียวหัว-ท้ายเรียวมนคล้ายหัวจรวด จะมีความยาวประมาณตั้งแต่ 2-3 ซ.ม.จนถึง 9-10 ซ.ม. สามารถแบ่งเป็นประเภท
1.1 เป็นเพชรนาคา ,
1.2 เป็นเหล็กไหลชนิดดูดติดเหมือนแม่เล็ก หรือแบบดูดไม่ติด
2. สัณฐานเหมือนพลอยหลังเบี้ย จะมีรูปร่างสัณฐานแบ่งออกได้อีก 2 แบบคือ
2.1. รูปกลม (แฮมเบอเกอร์) จะมีรูปลักษณะทรงกลมตรงกลางจะนูนขึ้นมาดังหลังเบี้ยทั้งสองด้าน ด้านข้างจะสามารถมองเห็นคล้ายขอบรอยเชื่อมของเพชรนาคา จะมีขนาดเส้นผ่าศูนย์ตั้งแต่ 7 มิลลิเมตรถึง 1 ซ.ม.กว่าๆ
2.2. รูปวงรี จะมีรูปทรงเป็นวงรีตรงกลางจะนูนขึ้นมาดังหลังเบี้ยทั้งสองด้าน จะมีขนาดตั้งแต่ 5 มิลลิเมตรจนกระทั่งมีความถึงยาว 1-2 นิ้ว
3.สัณฐานกลมแบบลูกแก้ว จะมีลักษณะกลมเป็นลูกแก้ว แต่สังเกตุดูดีๆ แล้วบางเม็ดจะมีรอยขอบ รอบๆ มีตั้งแต่ขนาดเม็ดเท่าปลายนิ้วก้อย ( ประมาณ 1 ซ.ม.) จนถึงขนาดเท่าไข่ไก่
4.สัณฐานพิเศษที่หายาก จะมีคือ..
4.1 ลักษณะลูกสมอจันทน์ จะมีลักษณะออกจะกลมคล้ายดังลูกแก้ว เหมือนกับสัณฐานกลมหลังเบี้ยแบบที่ 2.1 จะมีขนาดใหญ่เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณเกือบ 2 ซ.ม. หรือขนาดเท่านิ้วหัวแม่โป้ง
4.2 ลักษณะเป็นเขี้ยวแก้ว จะมีลักษณะรูปทรงสัณฐานเป็นเขี้ยว จะมีความยาวประมาณหนึ่งข้อนิ้วก้อยนิดๆ จนกระทั่งมีความยาว 6 - 7 นิ้ว
4.3 ลักษณะรูปหยดน้ำ จะมีลักษณะรูปทรงคล้ายหยดน้ำขนาดใหญ่ประมาณปลายนิ้วก้อย
4.4 ลักษณะเป็นฟันกราม จะมีลักษณะรูปทรงคล้ายฟันหน้าหรือฟันกรามของคน จะมีส่วนที่ยื่นออกมาดังรากฟัน จะมีหลายขนาดทั้งฟันกรามเล็กฟันกรามใหญ่
4.5 ลักษณะรูปหัวใจ
4.6 ลักษณะรูปดอกบัว
4.7 ลักษณะรูปหงอนพญานาค
4.8 ลักษณะเป็นไข่
ซึ่งเพชรนาคานั้นจะมีสีสันที่สวยงามส่องแสงเป็นประกายมาก ยิ่งเอาไปส่องด้วยแสงไฟจะส่องเป็นประกายสีถึง 7 สี และจะมีความมันเงาแวววาว บางสัณฐานภายในคล้ายกับมีน้ำหล่อเลี้ยงอยู่ หรือคล้ายกับมีดวงตาซ้อนอยู่ภายใน แต่ส่วนใหญ่ที่เห็นได้ชัดเจนนั้น จะเป็นสัณฐานเหมือนพลอยหลังเบี้ย จึงนับว่าแปลกอัศจรรย์เป็นอย่างมาก
มีผู้ที่มีความชำนาญในการดูพลอยบอกว่า ถ้าพลอยดีชั้นดีเวลาส่องดูจะเห็นเป็นแถบสายรุ้ง ถ้าเป็นพลอยรองลงมาเวลาส่องดูจะเห็นเป็นประกายของสี ทั้ง 7 สี เมื่อนำเพชรนาคานำมาส่องดู (แบบสัณฐานที่2)บางเม็ดด้านหนึ่งส่องดูเห็นเป็นแถบสี พอพลิกดูอีกด้านหนึ่งส่องดูเห็นเป็นประกายสีเหมือนมีชีวิต เป็นเรื่องที่แปลกประหลาดมาก
ซึ่ง หลวงปู่พวง สุวีโร วัดป่าปูลูสันติวัฒนา จ.อุดรธานี ได้เล่าให้ฟังว่า ลูกศิษย์ท่านได้นำไปตรวจสอบตรวจดูที่ต่างประเทศ ซึ่งผลปรากฏว่ามีคุณค่าเกือบจะเท่าอัญมณี แต่ก็ถือว่าเป็นแร่รัตนชาติชนิดหนึ่งที่มีคุณค่า
การแบ่งสีสันของเพชรนาคานั้น สามารถที่จะแบ่งออกได้ 3 ประเภทก็คือ
1. สีอ่อนแต่ใส
2. สีเข้ม
3. สีเข้มออกโทนเทาดำ
จะมีอานุภาพพลังที่แตกต่างกันไป ตามสีสันและตามขนาดสัณฐานด้วย ยิ่งออกเป็นสีในประเภทที่ 3 ยิ่งมีพลังลึกลับอาถรรพ์เพิ่มมากขึ้น
การแบ่งตามวรรณะตามโทนสีของ "เพชรนาคา" สามารถแบ่งออกได้คือ
1. สีน้ำเงิน วรรณะกษัตริย์
2. สีฟ้าน้ำทะเล วรรณะเชื้อพระวงศ์
3. สีเขียว วรรณะนักบวช, ผู้ทรงศีล
4. สีแดง วรรณะนักรบ,ขุนพล
5. สีม่วง วรรณะขุนนาง
6. สีขาว วรรณะ กลาง
7. สีเหลือง,สีส้ม,สีชมพู วรรณะทั่วไป
ความหมายตามสีสันของเพชรนาคา ก็คือ
1. สีขาว หมายถึง พลังบารมีพุทธคุณหรือบารมีขององค์มหาพระโพธิสัตว์ ที่ได้ทรงบำเพ็ญเพียรถือศีลภาวนาปฏิบัติธรรมลดละกิเลสตัณหาอุปทาน ให้วางจิตให้อยู่ในสายกลางไม่มีบุญไม่มีบาป มีสติเป็นผู้รู้ (เกิดปัญญา) เท่าทันในสภาวะปัจจุบัน เกิดความใสสะอาดบริสุทธิ์ มีจิตใจเยือกเย็นหนักแน่นมั่นคงไม่หวั่นไหวง่ายๆ เหมาะกับผู้ที่มีจิตใจอ่อนไหวรวนเรไม่มีความมั่นใจ
2. สีแดง หมายถึง สีแห่งกำลังฤทธิ์อำนาจ กล้าหาญเด็ดเดียวความคิดฉับไหวเฉียบคมดุดัน ตัดสินใจรวดเร็วตรงเป้าหมายทันอกทันใจ เป็นที่เคารพน่าเกรงขาม ผู้ที่ได้ครอบครอบเพชรนาคาสีแดงนี้ จะต้องเป็นผู้ที่ปฏิบัติธรรมฝึกฝนให้จิตมี “สติ” รู้เท่าทันอารมณ์ มิเช่นนั้นจะเกิดผลกระทบที่ไม่ดีเกิดขึ้น ทั้งตนเองและผู้อื่น
สีแดงเป็นสีที่บ่งบอกถึง “โทสะจริต” ที่มีความต้องการให้ทันอกทันใจรวดเร็ว บางครั้งไม่เป็นตามที่เราต้องการก็จะเกิดอารมณ์โมโหโกรธขึ้นมานี้ละตัวร้าย ยิ่งเพชรนาคาที่มีสีเข้มขึ้นมากเท่าใด ยิ่งจะมีพลังทางลบมากเท่านั้น มันจะเผาผลาญทั้งกายและจิตใจให้เกิดความหม่นหมองมืดมัวเศร้าสร้อยไปทางทุคติที่ไม่ดี
2.1. สีแดงพิเศษ จะมีเฉพาะเม็ดขนาดใหญ่จัมโบ้ รูปวงรีความยาวประมาณ 3 ซ.ม.ขึ้นไป จะเป็นสีที่พลังอานุภาพฤทธิ์อำนาจสูงกว่าสีปกติมาก เพราะจะเป็น “เพชรนาคาสีแดงขอบดำ” ครูบาอาจารย์บอกว่า “เป็นพลังอนันตจักรวาล” ผู้ที่สามารถที่จะครอบครองได้ จะต้องเป็นผู้ที่มีบุญวาสนาบารมีที่ได้สร้างสมมาจากอดีตชาติไว้มาก หรือและต้องเป็นผู้ที่มี “จิต” เป็นฤทธิ์เดชตบะมหาอำนาจที่ฝึกฝนมาทางนี้ มิเช่นนั้นไม่สามารถที่จะรองรับพลังอานุภาพของเพชรนาคาที่มีพลังอนันตจักรวาลได้
3. สีเขียว หมายถึง อำนาจจิตที่มีความเมตตาเย็นกายเย็นจิต มีเดช ตบะบารมีของผู้ทรงธรรมที่มีจิตสัมผัสทางโลกลี้ลับเหล่าเทพพรหมเทวดา มีพลังอำนาจลี้ลับไหลเวียนเป็นกระแสล้อมรอบตัว ทำให้จิตมีความสงบเยือกเย็นมั่นคง แคล้วคลาดจากภัยอันตรายต่างๆ
ยิ่งสีเข้มยิ่งมีอานุภาพของพลังที่สื่อผ่านมาจากเพชรนาคาจนเย็นยะเยือก เป็นที่เคารพนอบน้อมเป็นที่น่าเชื่อถือ ไม่ว่าจะทำสิ่งใดพูดจาอะไร เป็นเหตุที่เกิดมาจากการบำเพ็ญเพียรตบะบารมี “สัจจะอธิษฐาน” ที่ไม่พูดปดมดเท็จหลอกลวงตลบแตลง และเป็นสีของกายทิพย์ผู้เป็นจอมเทพใหญ่ในสวรรค์ชั้นฟ้าทรงช้างเอราวัณ 3 เศียรที่มีอำนาจฤทธานุภาพ จ้าวแห่งสรวงสวรรค์แห่งสวรรค์ชั้นดาวดึงส์
4. สีเหลือง หมายถึง ความนุ่มนวลมีสง่าราศี สีที่แสดงถึงความมั่งคั่งมีโชคมีลาภไหลมาเทมา มีความเจริญสดใสรุ่งเรืองดัง “ทองคำ” ที่มีคุณค่าในตัวเอง กระแสแห่งสียิ่งสีสดใสเท่าใดยิ่งมีกระแสแห่งโชคลาภ ทรัพย์สินเงินทองเปล่งประกายมากขึ้นเท่านั้น เป็นกระแสที่ทำให้น่าเกรงขาม เคารพศรัทธาในความมีสง่าราศี ดังเจ้าขุนคุณนายเจ้าพระยาผู้มีศักดิ์มีศรี จะได้รับการช่วยเหลืออนุเคราะห์สงเคราะห์ ทำให้หน้าที่กิจการเจริญก้าวหน้าราบรื่น
หมายเหตุ… ผู้ใดได้เพชรนาคาสีเหลืองไว้ครอบครอง จะต้องมีจิตใจที่ชอบทำบุญทำทานเป็นนิจวัตร มีน้อยทำน้อยมีมากเท่ามากตามกำลังของตนเอง และต้องเป็นผู้ที่อยู่ในศีลในธรรม ยิ่งจะส่งผลให้เกิดกระแสแห่งทานบารมีที่บริสุทธิ์ ส่งเสริมพลังเพชรนาคาสีเหลืองและองค์เทพที่รักษาดูแลมีบุญบารมีเพิ่มขึ้น
5. สีส้ม หมายถึงพลังแห่งการป้องกันภัยจากอาวุธภัยอันตรายต่างๆ เป็นพลังที่มีความคิดเด็ดเดียวกล้าหาญกล้าคิดกล้าทำกล้าที่จะเผชิญ และเป็นผู้ที่มีความคิดก้าวหน้ายุติธรรม ไม่เอารัดเอาเปรียบผู้อื่น เป็นกระแสพลังที่ป้องกัน และลดสลายอุปสรรคพลังที่ไม่ดีที่เข้ามากระทบ กระทำให้บุคคลใดผู้ใดที่คิดจะมาเบียดเบียนต้องพ่ายแพ้ตนเองไปในที่สุด มีเทพที่มีคุณธรรมดูแลปกปักรักษา และเป็นสีแห่งพระบารมีของ “องค์พระสยามเทวาธิราช” องค์มหาเทพที่ดูแลปกปักรักษาคุ้มครองประเทศชาติ, ศาสนา, พระมหากษัตริย์ จากภัยอันตรายจากศัตรูผู้ไม่เป็นมิตรที่คิดมากระทำย่ำยี
6. สีม่วง หมายถึง พลังที่มีอำนาจลึกลับยากที่จะหยั่งถึงได้ ดังคำว่า “รู้หน้าไม่รู้ใจ” เกี่ยวข้องจิตวิญญาณโอปาติกะ ภูติผีปีศาจทำให้เกิดความเกรงกลัวไม่กล้าที่จะคิดไม่ดีกระทำไม่ดี เหมือนมีพลังลึกลับจ้องมองอยู่ ยิ่งสีที่เข้มจนเกือบดำไม่ต้องพูดถึง มีพลังลึกลับอานุภาพมากขึ้นเป็นทวีคูณ ป้องกันภูติผีปีศาจคุณผีคุณคนคุณไสย การกระทำย่ำยีต่างๆ ให้เสื่อมสลายหายไป และเป็นสีที่สามารถดูดซับพลังอำนาจลึกลับทั้งดีและไม่ดีได้ขึ้นอยู่กับผู้ที่เป็นเจ้าของ
หมายเหตุ… บุคคลที่มีวาสนาครอบครองเพชรนาคาสีม่วงนี้ จะเป็นคนที่มีพลังลึกลับหรือมีสัมผัสพิเศษเรื่องลึกลับ บางคนอาจจะรู้ตัวหรือไม่รู้ตัวก็ได้ และเป็นคนที่ช่างคิดช่างตรึกตรองเจ้าวางแผน ถ้ามีมากจนกระทั่งออกไปทางหน้ากลัว อาจจะเกิดผลเสียหรือเกิดพลังที่ไม่ดีเกิดขึ้นกับตนเองและผู้อื่น ควรที่จะฝึกปฏิบัติจิตให้มีความเมตตาหนักแน่น ปล่อยวางจากอารมณ์ที่มากระทบ ให้จิตมีแต่ความโปร่งใสบริสุทธิ์ จะทำให้อานุภาพของเพชรนาคาสีม่วงนี้จะเปล่งประกายออกมาครอบคลุมทั่วร่างตลอดเวลา เสมือนเกราะแก้วคุ้มครอง
6.1.สีม่วงพิเศษ จะมีเฉพาะเม็ดขนาดใหญ่จัมโบ้ รูปวงรีความยาว 3 ซ.ม.ขึ้นไป จะเป็นสีที่มีพลังฤทธิ์อำนาจแห่งความลึกลับแห่งจิตวิญญาณโอปาติกะ ป้องกันอาถรรพ์การกระทำคุณไสยคุณผีคุณคน การกระทำย้ำยีต่างๆ ผูกพยนต์ ฝังรูปฝังรอย ทำให้เกิดการสลายเสื่อมอานุภาพ ศัตรูหมู่มารต่างสยบไม่กล้าที่จะคิดร้ายกระทำไม่ดี มีอานุภาพแผ่พลังครอบคลุมเป็นปริมณฑลได้ทั้งบ้าน แต่ก็ขึ้นอยู่ผู้ที่เป็นเจ้าของครอบครองมีจิตสะอาดอยู่ในศีลในธรรมหรือไม่เป็นหลัก ยิ่งที่เป็นผู้ที่ปฏิบัติทางจิตจะยิ่งเปล่งประกายของอานุภาพรัศมีกว้างขึ้น
7. สีฟ้า หมายถึง ถึงผู้ที่มีบุญวาสนาที่ได้สร้างสมมาในอดีต มีน้ำใจกว้างขวางใสสะอาด น่าเคารพนอบน้อมดังเพื่อนสนิทมิตรสหายสนิทชิดเชื้อกันมานาน พูดจาเจรจาพาทีเข้าทีเข้าท่าติดต่อค้าขายคล่องตัวลื่นไหลสะดวก เป็นผู้ที่มีบุญฤทธิ์ที่เหล่าเทพยดาดูแลค้ำชู เดินทางไปไหนมาจะมีความสะดวกสบาย
8. สีน้ำเงิน หมายถึง ผู้ที่มีอำนาจวาสนาบารมีสูงมีทั้งบุญฤทธิ์และอิทธิฤทธิ์บารมี เป็นผู้นำผู้ปกครองมีทั้งเดชตบะบารมีเป็นที่เคารพน่าเกรงขามมีขุมทรัพย์มหาศาลที่ซ้อนเร้นอยู่ ดังร่มโพธิ์ร่มไทรที่แผ่กิ่งก้านร่มเย็นที่พักพิงแก่สรรพสัตว์ มีพลังที่ป้องกันศัตรูภัยอันตรายต่างๆทั้งแปดทิศ จะต้องมีเทพพรหมเทวดาดูแลปกปักรักษาตลอดเวลาเสริมสร้างบารมียิ่งขึ้น
หมายเหตุ… ผู้ที่บุญวาสนาได้ครอบครอง จะต้องเป็นผู้ที่บุญวาสนาบารมีมาในอดีตชาติที่สร้างสมมานาน และต้องเป็นผู้ที่มีคุณธรรมประจำใจ มิฉะนั้นจะเกิดอาถรรพ์ที่ไม่ดีแก่ผู้ที่ครอบครองเกิดความวิบัติ อย่าหลงอดีตอย่าบ้าอำนาจอย่าอวดเก่งหลงตัวเอง จงทำจิตให้เป็นธรรมชาติมากที่สุด คือการปล่อยวางจากกิเลสตัณหาอุปทาน
9. สีชมพู หมายถึง สีแห่งพลังอานุภาพเมตตามหานิยม มหาเสน่ห์มหานิยมนิ่มนวลอ่อนโยน มีความโดดเด่นสะดุดตาดึงดูดสำหรับเพศตรงข้ามและผู้คนรอบข้างผู้ที่เกี่ยวข้อง จะทำให้ผู้คนรอบข้างเกิดความเมตตาช่วยเหลืออย่างน่าอัศจรรย์ใจ ยิ่งสีชมพูเข้มออกสดใสยิ่งมีพลังมหาเสน่ห์ดึงดูดเป็นที่รักใคร่เป็นที่พึงปรารถนาดังนางพญาที่สูงศักดิ์สง่างดงามอย่างน่าประหลาด
หมายเหตุ… ผู้ที่ได้ครอบครองจะต้องเป็นผู้ที่มีจิตใจที่ดีงาม ไม่นำพลังไปใช้ในทางไม่ดีดัง”ปากหวานก้นเปรี้ยวเลี้ยวตลบแตลง”ยิ่งกระทำกับเพศตรงข้ามจนกระทั่งผิดศีลในข้อที่ 3 จนเกิดความทุกข์กายทุกข์ใจ บั้นปลายท้ายสุดแล้วจะอเน็จอนาถน่าสังเวชเป็นอย่างมาก เมื่อผลกรรมนั้นมาตอบสนอง
10.สีชา (สีพิเศษ) หมายถึง สีที่มีพลังอานุภาพสามารถที่จะยับยั่งอารมณ์ความคิดที่ใช้แต่อารมณ์ ทำให้สติปัญญาความรู้สึกผิดชอบชั่วดีที่ถูกที่ควรที่ตามไม่ทัน จนกระทำพลาดพลั้งผิดพลาดไปจนเกิดความเสียหาย เหมาะกับผู้ที่ขาดแหล่งพึงพิงทางจิตใจหรือผู้ที่มีจิตใจเลื่อนลอยเสร้าเสียใจผิดหวังท้อแท้ และมีความพิเศษก็คือจะมีอานุภาพทางมีโชคมีลาภอย่างที่คาดไม่ถึง ( เป็นสีที่หาพบได้ยาก )
แต่ตามความเป็นจริงแล้วในการบูชาเพชรนาคา หรือเพชรเจ็ดสีมณีเจ็ดแสงนั้น มิใช่บูชาตามความหมายของสีว่าสีนี้ดีอย่างนี้แบบนั้น หรือสีที่เหมาะกับวันเกิดเดือนเกิดแล้วจะได้ตามนั้น จะต้องขึ้นอยู่กับบุญวาสนาบารมีที่ได้สร้างสมกันตั้งแต่ในอดีตชาติ และเคยได้เป็นเจ้าของกันมาก่อน
ผนวกในปัจจุบันเป็นผู้ที่ดำรงอยู่ในศีลในธรรมเป็นที่ตั้ง มิฉะนั้นแล้วจะเกิดอาถรรพ์เพทภัยไม่ดีกับตนเอง จึงจำจะต้องมีการอธิษฐานจิต ”เสี่ยงบารมี” ตามกำลังบุญวาสนาบารมีของตนเองว่า ”สีใดแบบใด” จะคู่ควรกับบุญวาสนาบารมีของตัวเรา หรือได้คำแนะนำจากครูบาอาจารย์ผู้รู้เท่านั้น
การอธิษฐานจิตบูชา
การอธิษฐานจิตบูชา ”เพชรนาคา” นั้นมีเครื่องสักการะบูชา
1. ธูป 5 ดอก ,
2. เทียน 2 เล่ม ,
3. พวงมะลิหรือพวงมาลัย
จุดธูปเทียนตั้ง นะโม 3 จบ ,ท่องไตรสรณคม , อาราธนาศีล 5 , บทพุทธคุณ , ธรรมคุณ , สังฆคุณ และ
คาถาบูชา
โอม อุ อะ มะ นะ โม พุท ธา ยะ ยะ สะ สุ มัง
ต่อด้วยการตั้งจิตอธิษฐานตามที่ต้องการ
(ไม่เกินกำลังของกฏแห่งกรรม)
หมายเหตุ : แต่ในเว็บ suvannaka.com แนะนำว่า..เมื่อได้รับ "เพชรพญานาค" หรือ "วัชรธาตุเพชรนาคา" มาแล้ว ให้นำไปแช่ในน้ำมนต์ก่อน แล้วเช็ดด้วยผ้าขาวสะอาด ก่อนนำใส่พานหรือผอบ บูชาด้วยธูป 10 ดอก เทียนขาว 10 เล่ม ดอกดาวเรืองหรือดอกไม้อะไรก็ได้ที่พอจะหาได้จำนวน 10 ดอก ผลไม้ 5 อย่าง
"เพชรพญานาค" หรือ "วัชรธาตุเพชรนาคา" ให้วางใส่พานเล็กๆ หล่อด้วยน้ำไว้ในที่อันควร แล้วตั้งจิตอธิฐานบูชา จะนำมาซึ่งความร่มเย็นเป็นสุข มีความเจริญรุ่งเรือง และมีโชคลาภกับทุกท่านที่ครอบครอง คาถาบูชา ตั้ง นะโม 3 จบ แล้วกล่าว คัด-สะ-มะ-อุ-มะ ทุกวันพระบูชาด้วยน้ำผลไม้ ถวายพวงมาลัย และถวายน้ำมะพร้าวอ่อน
ต้องการทำนำมนต์ โดยการหาขันใส่น้ำสะอาด อัญเชิญ ”เพชรนาคา” ลงแช่ในน้ำ พร้อมกับการจุดธูปเทียนบูชาท่องคาถา พร้อมกับสำรวมกายวาจาใจให้สงบนิ่งสักอึดใจหนึ่ง แล้วตั้งจิตอธิษฐานด้วยความแน่วแน่ตั้งมั่นจบด้วยบทแผ่เมตตา เมื่อสำเร็จสมหวังดังที่ได้อธิษฐานทุกครั้ง จะต้องทำบุญใส่บาตร, ถวายสังฆทาน, ถวายพระพุทธรูป เป็นต้น อุทิศถวายให้ ”พระแม่ธรณี,หลวงปู่เทพโลกอุดร, ปู่ทวดนาคราชสุนันโท, นาคานาคีเงือกบริวารทั้งหลาย ตลอดจนเจ้ากรรมนายเวรเป็นที่ตั้ง” ซึ่งจะเป็นการสร้างกุศลผลบุญบารมีไปในตัว
การอธิษฐานเพชรนาคา 9 สี นำมาบรรจุรวมกันในภาชนะเดียวกัน แล้วอธิษฐานและหมุนตามเข็มนาฬิกา คือหมุน 1 ครั้งป้องกันภัย , หมุน 2 ครั้งป้องกันภูติผีปีศาจ , หมุน 3 ครั้งขอโชคลาภ , หมุน 4 ครั้งสะท้อนป้องกันสิ่งไม่ดี ( ป้องกันการทำร้ายจากศัตรู ) , หมุน 5 ครั้งป้องกันสัตว์เลื้อยคลาน , หมุน 6 ครั้งรักษาโรค , หมุน 7ครั้ง ครอบครัวอยู่เย็นเป็นสุข ( สามี,ภรรยารัก ) , หมุน 8 ครั้งถ้าไม่สบายรักษาตนเอง , หมุน 9 ครั้งชนะศัตรูหมู่มาร
หลังจากเสร็จสิ้นจากการที่นำเพชรนาคาติดตามตัวเช่น เป็นเครื่องประดับเป็นหัวแหวน, เป็นจี้ห้อยคอ, เป็นสร้อยข้อมือก็ตาม หรือนำมาบูชาเอาไว้ที่บ้าน ควรที่จะจัดหาพานรองรับตามความเหมาะสม วางผ้าแดงผ้าขาวรองพื้นก่อนที่นำเพชรนาคา หรือเครื่องประดับที่มีเพชรนาคาวางลงบนพาน และจัดหาขันหรือถ้วยใส่น้ำสะอาดโรยมะลิร่วงวางบูชาไว้ตรงด้านหน้าพานที่วางบรรจุเพชรนาคาอยู่ ควรจะเปลี่ยนน้ำสะอาดทุกวันหรือวันเว้นวันตามความเหมาะสม
น้ำที่วางบูชาเพชรนาคานี้เป็นน้ำมนต์ที่มีพลังอานุภาพ ใช้ดื่มกินอาบราดทั่วตัวไล่สิ่งไม่ดีสิ่งไม่ดีเสนียดจัญไรที่มาเกาะติดตามตัวเรา เพื่อเป็นสิริมงคลเป็นเกราะคุ้มกันปกป้อง พร้อมระลึกขอบารมี "ปู่ทวดนาคราชสุนันโท" กำหนดเห็นเป็นรูปองค์พญานาคมาขดล้อมรอบตัวของเรา ส่องแสงสว่างเป็นรัศมีกระจายรอบตัวประมาณ 1 วา หรืออาจจะหาขันหรือภาชนะที่ใส่น้ำสะอาด พร้อมขันหรือภาชนะเล็กที่ลอยน้ำได้เพื่อนำเพชรนาคาหรือเครื่องประดับมีเพชรนาคาวางอยู่ในขันหรือภาชนะที่ลอยน้ำได้อีกทีหนึ่ง
ขอขอบคุณ
หาความรู้เพิ่มเติมได้ที่: http://watcharathath.com/content.php?id=81
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น