อ่าน: กลุ่มปราสาทในอาณาจักรของพระนางใครเป็นคนสร้าง
ปราสาทบาปวน
จากปราสาทธมมานน ตรงเข้านครธม เหมือนจะย้อนกลับทางเดิม
ผ่านซุ้มประตูทางเข้าด้านหนึ่งไป
โผล่มาตรงลานช้าง ลานพระเจ้าขี้เรื้อน สู่ปราสาทบาปวน
ไปต่อจากเมื่อวานนี้ตรงสะพานทางเข้าปราสาทที่วิ่งหนีฝนออกไปอย่างคนพ่ายแพ้ และเปียกปอน
ผ่านซุ้มที่หักพังลงแล้วโดยสิ้นเชิง ตรงช่วงกลางสะพาน
หนทางยังอีกไกล ปราสาทบาปวนก็ไม่ต่างไปจากภูเขาลูกหนึ่งที่ดูว่าใกล้ตา
สุดสะพาน ขึ้นบันไดสู่ฐานตัวปราสาทในชั้นแรก
ด้านข้างๆ
เดินเข้ามาไกลเหมือนกัน สะพานหินค่อนข้างยาวมากเมื่อมองจากมุมนี้
จากช่องซุ้มทางเข้าด้านหน้า
ซุ้มระบียงยาวเชื่อมต่อซุ้มทางเข้าตรงบันได
พ้นซุ้มระเบียงออกมา เผยให้เห็นตัวปราสาทตั้งอยู่บนลานกว้างมาก
ซุ้มทางขึ้นอีกชั้น เห็นบันไดแล้วเข่าอ่อน แต่ก็ไม่เคยเข็ดขยาด
สามารถมองย้อนลงไปได้ นั่นย่อมหมายถึงว่าฉากเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายได้จบลงแล้ว
ระเบียงทางเดิน สามารถเดินชมได้รอบๆ
เห็นเงาบันได ตะคุ่มๆ ชักจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
เลี่ยงไปทางอื่น
ดูเหมือนจะไม่ค่อยมีสิ่งดึงดูด
ที่สุดก็ขึ้นมาอีกจนได้
พบว่าก็ยังไม่ถึงด้านบนสุด บันไดมีไว้เพื่อท้าทาย....
สูงมาก แทบจะสูงที่สุดแล้วที่ผ่านมา
ยิ่งถ้าได้ป่ายปีนขึ้นบันไดไปอีกสักชั้น
ป้ายห้ามขึ้น ถือเป็นโชคชะตาฟ้าลิขิตชีวิตอีกครั้ง
เดินรับลมร้อน แค่เชือกเท่านั้นที่กันคนกระโดดเล่น
ปราสาทบาปวน สร้างในต้นพุทธศตวรรษที่ 17 (พ.ศ. 1603) รัชสมัยของพระเจ้าอุทัยทิตยวรมันที่ 2 เป็นศิลปะแบบบาปวน ศาสนาฮินดู
ปราสาทบาปวน จัดเป็นปราสาทแรกในกลุ่มปราสาทเมืองพระนคร มีทางเดินผ่านตัวปราสาทเป็นสะพานหินยกระดับทอดยาว ทางเดินเข้าผ่านโคปุระรูปกากบาท 3 ทาง ตัวปราสาทหันหน้าไปทางทิศตะวันออก ที่ตั้งของปราสาทอยู่ในเขตพระราชวังหลวง เป็นปราสาทที่มียอดสูง
ยอดปราสาทบาปวนเคลือบด้วยสำริดแลอร่ามแต่ไกล หากไม่หักพังเสียก่อน คาดว่าปราสาทบาปวนอาจมีความสูงกว่าปราสาทพิมานอากาศ ซึ่งอยู่ใกล้ๆ กัน
หน้าตาคุ้นๆ ทางลง ยังคงจำได้ทุกครั้งไม่เคยลืมเลือนความรู้สึกตอนลงจากที่สูงที่แล้วๆมา ความรู้สึกเดียวกันเลยเกิดคำถามขึ้นในใจทุกครั้ง คือจะขึ้นมาทำไม
สมาธิต้องมี ความระมัดระวังก็ต้องมีอยู่ตลอดเวลาทุกก้าวย่างและความศรัทธาในชีวิตถือเป็นสิ่งสูงสุด
ที่เรียกว่าประสบการณ์มันสอนเรา เข้าใจลึกซึ้งถ่องแท้
เวรกรรมมันเป็นของมีจริง ที่ว่าทำไว้ยังไงก็ได้ยังงั้นขึ้นมาได้ ก็ต้องลงไปได้ด้วย คนเรา....
ก็เป็นคนธรรมดาเดินดิน ก็ต้องตะเกียกตะกายกันไป จะให้บินคงไม่ได้
ถึงพื้นด้วยความปลอดภัยอีกครั้ง ผ่านทางบันไดนี้
เดินไปตามป้ายเส้นทางเดินนักท่องเที่ยว บนฐานปราสาท
ปราสาทบาปวน สถาปัตยกรรมชั้นสูง ซึ่งมองจากตรงนี้เหมือนกองอิฐ กองหิน
สูงสุดสู่สามัญ ทางบันได สุดท้ายแล้วของทริปนี้
คำถามยังคงไม่ได้รับคำตอบ บางครั้งอาจเป็นแค่เรื่องของกิเลสพื้นๆที่มนุษย์ทั่วไปๆต่างมีกัน
คันดินเส้นทางเดินนักท่องเที่ยว วนรอบนอกปราสาทมองเห็นฐานปราสาทชั้นล่างที่เพิ่งลงมาเมื่อครู่
สูงมากเมื่อมองจากตรงนี้
ถือว่าเป็นสิ่งประดิษฐ์โดยมนุษย์ ที่งดงามอีกชิ้นหนึ่ง
การที่ได้กดดันตัวเองจนถึงขีดสุด ก็เหมือนกับว่าได้เรียนรู้ศักยภาพของตัวเอง
เลาะลงมาเดินตามทาง ข้างฐานปราสาท
สองข้างทางเป็น กองงานบูรณะซ่อมแซม
เหมือนพิพิธภัณฑ์หินกลางแจ้ง
ถือเป็นการจัดระเบียบสังคมหิน
ให้อยู่เป็นที่เป็นทาง ให้ครอบครัวเป็นครอบครัว
การรอคอย ไม่แน่ว่าอาจชั่วนาตาปีแต่อย่างน้อยมันก็ได้อยู่ในที่ที่ควรอยู่ อย่างสง่างาม
สะพานยาวเหยียดตั้งแต่ทางเข้าจนถึงตัวปราสาท
และที่สำคัญ แน่นอนว่าแทบทุกปราสาท ย่อมต้องมีแหล่งน้ำ
ที่สุดแล้ว ก้อนหินเหล่านี้ก็ยังคงทรงคุณค่าเทียบเท่าปราสาท
คือกระบวนการเรียนรู้นอกห้องเรียน ที่สัมผัสจับต้องได้และด้วยทุกประสาทสัมผัส รับรู้
ปราสาทบาปวน อยู่ไกลๆ
ออกมาทางลานช้าง
เอาไว้ขึ้นช้างหรือเปล่าแถวนี้
ฐานพลับพลาสร้างด้วยหินสลักเป็นรูปช้างและครุฑพ่าห์ พื้นพลับพลาเป็นหินตั้งอยู่ด้านหน้าประตูพระราชวังมีมุขยื่นออกมาทั้งสองด้าน คือมุขช้างเอราวัณและมุขรูปครุฑพ่าห์มีบันไดขึ้นลงได้ 5 ทาง บันไดใหญ่ที่สุดอยู่ตรงกลาง เป็นทางพระราชดำเนินที่จะใช้ลงไปยังสนามหลวงของพระมหากษัตริย์เท่านั้น
จากลานช้างข้ามถนนมาฝั่งตรงข้าม เป็นลานกว้างที่เรียกว่า สนามหลวง
มองเห็นปราสาทบายนอยู่ไกลๆ เบื้องหน้า
ผ่านปราสาทบายนอีกรอบ
ขอขอบคุณ: http://www.baanjomyut.com/travel/cambodia/baphuon.html
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น