อ่าน: กลุ่มปราสาทในอาณาจักรของพระนางใครเป็นคนสร้าง
ปราสาทตาพรหม
ปราสาทแห่งนี้ พระเจ้าชัยวรรมันที่ ๗ มหาราชองค์สุดท้ายของกัมพูชาโปรดฯ ให้สร้างขึ้นเป็น "ราชวิหาร" ถวายแด่พระราชมารดาของพระองค์ในช่วงต้นพุทธศตวรรษที่ ๑๘ หรือราว ๘๐๐ ปีมาแล้ว ปัจจุบันนักท่องเที่ยวจากทุกมุมโลกนิยมมาชมความงามของปราสาทแห่งนี้กันมาก เนื่องจากการบูรณะโดยนักวิชาการฝรั่งเศสเมื่อปลายศตวรรษที่แล้วต้องการจะคงบรรยากาศความขรึมขลังของปราสาทตาพรหมและอาณาบริเวณโดยรอบเอาไว้ ดังนั้นตาพรหมจึงมีมนตร์เสน่ห์ที่น่าหลงใหลต่างไปจากปราสาทแห่งอื่นๆ ในเมืองพระนคร
( วงสีม่วงในแผนที่ ) ตาพรหม จะอยู่ในแนวทิศ ตะวันออก ไป ตะวันตก เราเข้าทางตะวันออก ไปทะลุด้านตะวันตก
ทางเดินแบบนี้ซัก 500 เมตร
ต้นไม้เขาใหญ่ดีค่ะ และก็มองเห็น ตาพรหมแล้วละ
ก่อนถึงลานด้านหลัง มีวิหารหลังเล็ก ๆ ที่ใช้เป็นที่ประกอบพิธีของพวกพราหมณ์ วิหารนี้จะมีการจุดไฟบูชาตลอดทั้งวันทั้งคืน
ตรงไปก็จะเป็นลาน
จากรูปบนที่เห็นนาค บนพื้น...ลวดลายก็มีนะ..ตลอด
ต้นไม้ แผ่รากไปตามหิน ทำให้เกาะกัน หรือทำให้แตกน้า
ประตูทางตะวันออกเป็นรูปพระแม่ธรณีบีบมวยผม
ภาพขยายนะ ตอนเจ้าชายสิทธัตถะจะตรัสรู้มีมารมาผจญ พระแม่ธรณีจึงบีบมวยผม ได้กระแสน้ำไล่พวกมาร รูปพระพุทธเจ้าหรือพระพุทธรูปอาจถูกทำลายไปเพราะพระเจ้าชัยวรมัยที่ 8 เลื่อมใสศาสนาฮินดู
มาแล้วค่ะต้นสะปง ... ส่วนใหญ่ไกด์จะเล่าและชี้ให้ดูต้นเล็ก ๆ ที่กำลังจะงอก แล้วชี้ต้นใหญ่...ผลการงอก
แล้วก็เป็น
เกาะเกี่ยวกำแพงก็ได้
เข้าไปข้างในก็เห็นเขาทำแท่นไว้ยืน ก็หันไปหันมาเห็นนางอัปสร ค่อนข้างชัด
แต่โทษที เขาให้ยืนชมนี่จะได้ไม่เกะกะ เลือกที่มีขนาดอ้างอิงนะ
บางครั้งต้นไม้ก็โอบอุ้มปราสาทไว้เหมือนกัน
ที่นี่ลวดลายเยอะ...ที่โคราชเรียกว่าลีลา
ใครจะตามหารูปไดโนเสาร์...ข้าเจ้าหาไม่เจอ
เขาเอาพระพุทธรูปมาตั้งไว้บนอะไรเนี่ย
ใครมาก็ต้องมีรูปนี้ค่ะ
ปรางค์ประธาน
จั่วหลังคา
เสากะคาน เอ เขาต่อถูกไหมน่ะ
กองจิ๊กซอ ที่ยังไม่ได้ต่อ
ซุ้มสุดท้ายเขากำลังซ่อมก็ออกด้านข้าง ที่พื้นก็มีลวดลายนะแต่อาจเป็นของยุคนี้ไหมน้อ
ขอขอบคุณ:http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=tuk-tukatkorat&month=02-2009&date=16&group=17&gblog=3
ฉาก: ปราสาทตาพรหม เมืองพระนคร ท่ามกลางแมกไม้ร่มครึ้ม เหนือขึ้นไปแสงแดดแผดจ้า ฝูงนกแก้วบินปราดผ่านศีรษะไปอย่างรวดเร็ว ส่งเสียงร้องกรีดแสบแก้วหู
บรรยาย: ปราสาทแห่งนี้ พระเจ้าชัยวรรมันที่ ๗ มหาราชองค์สุดท้ายของกัมพูชาโปรดฯ ให้สร้างขึ้นเป็น "ราชวิหาร" ถวายแด่พระราชมารดาของพระองค์ในช่วงต้นพุทธศตวรรษที่ ๑๘ หรือราว ๘๐๐ ปีมาแล้ว ปัจจุบันนักท่องเที่ยวจากทุกมุมโลกนิยมมาชมความงามของปราสาทแห่งนี้กันมาก เนื่องจากการบูรณะโดยนักวิชาการฝรั่งเศสเมื่อปลายศตวรรษที่แล้วต้องการจะคงบรรยากาศความขรึมขลังของปราสาทตาพรหมและอาณาบริเวณโดยรอบเอาไว้ ดังนั้นตาพรหมจึงมีมนตร์เสน่ห์ที่น่าหลงใหลต่างไปจากปราสาทแห่งอื่นๆ ในเมืองพระนคร
ภาพใกล้: เห็นลายในวงโค้งประดับผนังซุ้มทางเข้าสลักเป็นรูปสัตว์ต่างๆ ลายตัวภาพอันหนึ่งแสดงสัตว์สี่เท้า มีเขา (หู ?) ยาวไปด้านหลัง ปากหนางุ้มลง บนแผ่นหลังมีเกล็ดขนาดใหญ่ทรงสามเหลี่ยมตั้งขึ้น เรียงจากต้นคอไปจรดปลายหาง
บรรยาย: ไกด์ทุกคนในเมืองพระนครจะต้องนำนักท่องเที่ยวมาที่ยังจุดนี้ก่อนเสมอ เมื่อยามที่ย่างเท้าเข้ามาในปราสาทตาพรหม เขา (หรือหล่อน) จะชี้ให้อาคันตุกะผู้มาเยือนพินิจพิจารณาสัตว์รูปร่างประหลาดในลายวงโค้งตัวนี้ ด้วยว่ามันมีลักษณะคล้ายไดโนเสาร์กินพืช พันธุ์สเตโกซอร์ (stegosaur) ขนาดความยาวยี่สิบห้าฟุต ที่มีชีวิตอยู่บนโลกเมื่อกว่าหนึ่งร้อยยี่สิบล้านปีมาแล้ว นี่เป็นสิ่งที่เรียกเสียงหัวเราะขบขัน และสร้างความพิศวงงงงวยอย่างยิ่งแก่นักท่องเที่ยวที่เดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลมาถึงเมืองพระนคร มันเป็นไปได้อย่างไร ? ผู้คนในมหาอาณาจักรที่มีอายุเพียงชั่วสหัสวรรษจะรู้จัก กระทั่งเคยเห็นสัตว์ดึกดำบรรพ์ที่สูญพันธุ์ไปเนิ่นนานแล้วนี้ได้อย่างไร ?
แล้วท่านล่ะ..คิดว่าปริศนาเรื่องนี้คืออะไรกันแน่ ???
ขอขอบคุณ:http://www.muangboranjournal.com/modules.php?name=News&file=article&sid=470
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น