วันพฤหัสบดีที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2555

ตรวจศีล (ศีลขาด ศีลทะลุ ศีลด่าง ศีลพร้อย)

ตรวจศีลข้อ1

ศีลข้อ 1 ปาณาติปาตา เวรมณี สิกฺขาปทํ สมาทิยามิ
ศึกษาสมาทานเพื่อการลด งด เว้นขาดจากโทสะ
เจตนารมณ์ศีลข้อ 1 เพื่อล้างโทสะ ละเบียดเบียน

ศีลขาด
คือ เจตนาทำชีวิตสัตว์ให้ตกร่วง และแสดงออกซึ่งอาการโทสะทางกาย เช่น เตะหมา ตีแมว ต่อยคน ประทุษร้ายใครด้วยความโกรธ ฯลฯ (อริยกันตศีลเป็นศีลละเอียดกว่าศีลสามัญญตา)

ศีลทะลุ
คือ เจตนากล่าววาจาด้วยโทสะ หรือโกรธ เช่น สั่งฆ่า สั่งทำร้าย หรือพูดกระแทกแดกดัน ยั่วกันด้วยโทสะ ด้วยความไม่ชอบใจ หมั่นไส้ และวาจาใดอันอดมิได้ต่อโทสะภายใน

ศีลด่าง
คือ มีใจโกรธ อึดอัด ขัดเคือง อาฆาต พยาบาท ถือสาชิงชัง รังเกียจ ไม่ชอบใจหรือปรุงใจเป็นไปด้วยโทสะ (ยังครุ่นคิดแค้น คิดทำร้าย คิดทำไม่ดีไม่งามกับผู้อื่นอยู่)

ศีลพร้อย
คือ มีใจเบื่อ ซึม เซ็ง ซังกะตาย ถดถอย ท้อแท้ ไม่ยินดี โลกนี้เป็นสีเทา (อรติ)

เป็นไทโดยศีล
คือ ขัดเกลาตนจนอิสระเสรี ไม่มีความพร้อย ความด่าง ความทะลุ หรือขาดทางศีลธรรม โดยเฉพาะสายโทสะละเบียดเบียนนี้ ซึ่งจะรู้ชัดได้ดี เมื่อมีเมตตาสมาทานอย่างต่อเนื่อง



ตรวจศีลข้อ2

ศีลข้อ 2 อทินฺนาทานา เวรมณี สิกฺขาปทํ สมาทิยามิ
ศึกษาสมาทานเพื่อการลด งด เว้นขาด จากโลภะ
เจตนารมณ์ศีลข้อ 2 เพื่อลดโลภะ ละตระหนี่ แม้ตน

ศีลขาด
คือ เจตนาขโมย โกง ปล้นจี้ ตีชิง ฉกฉวย แม้ที่สุดหยิบของผู้อื่นโดยมิได้รับอนุญาต

ศีลทะลุ
คือ เจตนากล่าววาจา เลียบเคียง ลวงเล็ม หลอกล่อ หรือพูดเพื่อให้ได้มาสมโลภ

ศีลด่าง
คือ มีใจเอาเปรียบ เห็นแก่ได้ คิดอยากใคร่ของคนอื่น หรืออาศัยนิมิตสมมุติ เพื่อให้ได้มาเพื่อให้ได้อยู่โดยไม่สมคุณค่าฐานะแห่งนิมิตสมมุติ (รูปแบบ, ตำแหน่งแต่งตั้ง) นั้นๆ

ศีลพร้อย
คือ มีใจยินดีทรัพย์สินของโลก ของคนอื่น หรือมอบตนอยู่บนทางแห่งการได้มาสมโลภ

เป็นไทโดยศีล
คือ ขัดเกลาตนจนอิสระเสรี ไม่หลงใหลยินดีทรัพย์สินของโลก และสิ้นความผลักใส ชิงชังทั้งไร้ตระหนี่ตน เป็นคนขวนขวายใฝ่สร้างสรร ขยันชนิดทำงานฟรี ไม่มีเรียกร้องสนองตอบ หรือไม่มีความพร้อย ความด่าง ความทะลุ หรือขาดทางศีลธรรม โดยเฉพาะสายโลภะละตระหนี่นี้ +++ (ฆราวาสครองเรือนจะพ้นศีลพร้อยได้ยากมาก แต่สามารถตรวจจับดับความยินดีในการได้มาได้...เมื่อต้องอยู่กับทรัพย์สินก็ ควรอยู่เหนือทรัพย์สิน)




ตรวจศีลข้อ3

ศีลข้อ 3 กาเมสุมิจฺฉาจารา เวรมณี สิกฺขาปทํ สมาทิยามิ
ศึกษาสมาทานเพื่อการลด งด เว้นขาด จากราคะ
เจตนารมณ์ศีลข้อ 3 เพื่อลดราคะ ละกามารมณ์

ศีลขาด
คือ เจตนามีสัมพันธ์ทางเพศ หรือโลมเล้าจับต้อง เสพสุขสัมผัสกับผู้มิใช่คู่ครองของตน แม้ในคนที่ไม่ได้แต่งงานกัน (การบริโภคกามตามสถานค้าประเวณีจัดเป็นความผิดขั้นนี้)

ศีลทะลุ
คือ เจตนากล่าววาจาจีบเกี้ยว พูดแซวเชิงราคะ กระซิกกระซี้ สัพยอก หยอกเย้า เร้าให้รักใคร่ พูดไปเพื่อผูกพัน หรือบำบัดบำเรออารมณ์ โดยกามราคะขับดัน ทั้งที่ผู้นั้นมิใช่คู่ครองของตน

ศีลด่าง
คือ มีใจคิดปรุงไปในสัมพันธ์ทางเพศ หรือมีอารมณ์แปรปรวนป่วนฝันฟุ้งบำรุงกาม และเรื่องราวคาวกามลามไหล อยู่ในใจกับใครอื่นซึ่งไม่ใช่คู่ครองของตน (นัยละเอียดต้องจบจิตคิดใคร่)

ศีลพร้อย
คือ มีใจยินดีในกาม ความเป็นคู่กับผู้อื่น หรือยินดีพึงใจในรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส อันชวนกำหนัดรัดรึงจากเพศตรงข้ามที่ไม่ใช่คู่ครองของตน (นัยละเอียดจบสนิทจิตยินดีในกาม)

เป็นไทโดยศีล
คือ ขัดเกลาตนจนอิสระเสรี ไร้ความยินดีในกาม ไม่มีความพร้อย ความด่าง ความทะลุ หรือขาดทางศีลธรรม โดยเฉพาะสายราคะ ละกามารมณ์นี้ (ต้องศีล 8 จึงมีสิทธิเป็นไท)



ตรวจศีลข้อ4

ศีลข้อ 4 มุสาวาท เวรมณี สิกฺขาปทํ สมาทิยามิ
ศึกษาสมาทานเพื่อการลด งด เว้นขาด จากความเท็จ ความไม่แท้
เจตนารมณ์ศีลข้อ 4 เพื่อลดมุสา พัฒนาสัจจวาจา

ศีลขาด
คือ เจตนากล่าวคำเท็จ โกหก หลอกลวง บิดเบือนไปจากความจริง หรือสัจจะ

ศีลทะลุ
คือ เจตนากล่าววาจา ระบายโทสะ บำเรอโลภะ บำรุงราคะ เป็นคำหยาบ

ศีลด่าง
คือ มีวาจาส่อไปในทางเสียด เสียดสีเชิงโทสะบ้าง เสียดสีเชิงโลภะบ้าง เสียดสีเชิงราคะบ้าง เสียดสีเชิงมานะทิฏฐิบ้าง เสียดสีเชิงมานะอัตตาบ้าง แม้จางบางเบา หรือพูดกบคนโน้นทีคนนี้ที เพื่อให้เกิดวิวาทบาดหมาง แยกก๊ก แบ่งเหล่า ก็จัดเข้าอยู่นัยนี้ เป็นวาจาส่อเสียด

ศีลพร้อย
คือ มีวาจาเรื่อยเปื่อยเฉื่อยฉ่ำไป เพ้อไป พล่อยไป พล่ามไป จะโดยแรงเร้าจากโทสะที่จากบางเบา โลภะที่จางบางเบา ราคะที่จางบางเบา หรือมานะทิฏฐิที่จางบางเบา มานะอัตตาที่จางบางเบา ก็จัดเข้าอยู่นัยนี้ เป็นวาจาเพ้อเจ้อ

เป็นไทโดยศีล
ขัดเกลาตนจนอิสระเสรี มีวาจาประชาสัมพันธ์ เป็นไปโดยสามารถของตนไร้อิทธิพลจากโทสะ โลภะ ราคะ มานะทิฏฐิ มานะอัตตามาครอบงำ หรือไม่มีความพร้อย ความด่าง ความทะลุ หรือขาดทางศีลธรรม โดยเฉพาะเรื่องราว ลดมิจฉาสู่สัมมา หรือลดมุสา (วาจาอันเป็นเท็จจากสัจจะ) พัฒนาสัจจวาจา




ตรวจศีลข้อ5

ศีลข้อ 5 สุราเมรยมชฺชปมาทฏฺฐานา เวรมณี สิกฺขาปทํ สมาทิยามิ
ศึกษาสมาทานเพื่อการลด งด เว้นขาด จากเสพติด ชีวิตมืดบอด
เจตนารมณ์ศีลข้อ 5 เพื่อลดโมหะ ละประมาท เพิ่มธาตุรู้หรือสติ

ศีลขาด
คือ เจตนาเสพสิ่งเสพติดมัวเมา เที่ยวกลางคืน เที่ยวดูการละเล่น เล่นการพนัน สังสรรกับคนชั่ว ปล่อยตัวเกียจคร้านอย่างตั้งใจ

ศีลทะลุ
คือ เจตนากล่าววาจาชักชวน โน้มเหนี่ยวนำพาตน คนอื่น สู่อบายมุขหรือโน้มน้าวอบายมุขมาสู่ตน คนอื่น และกล่าววาจาพร่ำพิไรใฝ่ถึงซึ่งอบายมุข (ทั้ง6)

ศีลด่าง
คือ มีใจทะยานอยากในอบายมุข ปรุงใจถวิลไปในอบายมุข หรือเรื่องราวคราวก่อนตอนเสพอบายมุขลามไหลอยู่ในใจ เก็บสัญญาเก่าก่อนตอนเสพอบายมุขมาย้อนเสพ

ศีลพร้อย
คือ ยังมีใจยินดีในอบายมุข เห็นคนเสพอบายมุขยังยินดี มีใจริษยา มิได้เกิดปัญญา เห็นภัยในอบายมุขและการเสพอบายมุข

เป็นไทโดยศีล
คือ ขัดเกลาตนจนอิสระเสรี หมดความยินดี และสิ้นอารมณ์ชิงชังในอบายมุข หรือไม่มีความพร้อย ความด่าง ความทะลุ หรือขาดทางศีลธรรม โดยเฉพาะสายมัวเมามือบอดนี้



ตรวจศีลข้อ3 (สำหรับศีล8)

ศีลข้อ 3 อพฺรหฺมจริยา เวรมณี สิกฺขาปทํ สมาทิยามิศึกษาสมาทานเพื่อการลด งด เว้นขาด จากราคะ
เจตนารมณ์ศีลข้อ 3 เพื่อลดราคะ ละกามารมณ์

ศีลขาด
คือ เจตนามีสัมพันธ์ทางเพศกับผู้อื่น หรือโลมเล้าจับต้อง เสพสุขสัมผัส แม้ที่สุดกับตนเองทางกาย หรือข่มเหงตนเองโดยกามราคะขับดัน

ศีลทะลุ
คือ เจตนากล่าววาจาจีบเกี้ยว พูดแซวเชิงราคะ กระซิกกระซี้ สัพยอก หยอกเย้า เร้าให้รักใคร่ พูดไปเพื่อการผูกพัน หรือพูดบำบัดบำเรออารมณ์ โดยกามราคะขับดัน

ศีลด่าง
คือ มีใจคิดปรุงไปในสัมพันธ์ทางเพศ มีอารมณ์อันแปรปรวนป่วนปั่น ฝันฟุ้งบำรุงกาม และเรื่องราวคาวกามลามไหลอยู่ในใจ หรือกามสัญญาเก่าก่อนนึกย้อนมาเสพ

ศีลพร้อย
คือ มีใจยินดีในกาม ความเป็นคู่ หรือยินดีพึงใจในรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส อันชวนกำหนัดรัดรึง จากเพศตรงข้าม เพศเดียวกัน แม้ที่สุดตนเอง

เป็นไทโดยศีล
คือ ขัดเกลาตนจนอิสระเสรี ไร้ความยินดีในกาม ไม่มีความพร้อย ความด่าง ความทะลุ หรือขาดทางศีลธรรม โดยเฉพาะสายราคะ ละกามารมณ์นี้



ตรวจศีลข้อ6

ศีลข้อ 6 วิกาลโภชนา เวรมณี สิกฺขาปทํ สมาทิยามิ
ศึกษาสมาทานเพื่อการลด งด เว้นขาด จากการบริโภคอันไม่ควรกาล
เจตนารมณ์ศีลข้อ 6 เพื่อลดหลงติดในอาหาร และรู้ประมาณการบริโภค

ศีลขาด
คือ เจตนาบริโภคเกินหนึ่งมื้อด้วยความหลงติด สำหรับผู้ยังไม่เข้มแข็งสมาทานสองมื้อก็เจตนาบริโภคเกินสองมื้อ หรืออดมิได้ต่อความยั่วยวนชวนชิมของอาหาร

ศีลทะลุ
คือ เจตนากล่าววาจา เรียกร้อง เลียบเคียง หรือพูดเพื่อให้ได้มาสมตัณหาในอาหารอันตนชอบรับประทาน และพร่ำพิไรใฝ่ถึงซึ่งสิ่งอันตนชอบรับประทาน

ศีลด่าง
คือ มีใจคิดคำนึงหาอาหารอันตนชอบรับประทาน หรืออยากในรูป รส กลิ่น สัมผัสของอาหารอันยวนใจ และดึงสัญญาในรูป รส กลิ่น สัมผัสของอาหารจากกาลก่อนย้อนมาเสพ

ศีลพร้อย
คือ ยังมีใจยินดีในรูป รส กลิ่น สัมผัสของอาหาร ยามได้เห็น หรือได้มาสมอุปาทานยังปลาบปลื้มประโลมลิ้นยินดีพึงใจอยู่

เป็นไทโดยศีล
คือ ขัดเกลาตนจนอิสระเสรี ไร้กำหนัดยินดี และสิ้นความผลักไสชิงชังใน รส หรือ ไม่มีความพร้อย ความด่าง ความทะลุ หรือ ขาดทางศีลธรรม โดยเฉพาะเรื่องอาหารการบริโภคนี้



ตรวจศีลข้อ7

ศีลข้อ 7 นจฺจคีตวาทิตวิสูกทสฺสนา มาลาคนฺธวิลเปนธารณมณฺฑนวิภูสนฏฺฐานา เวรมณี สิกฺขาปทํ สมาทิยามิ
ศึกษาสมาทานเพื่อการลด งด เว้นขาด จากส่วยเสริมกามราคะ
เจตนารมณ์ศีลข้อ 7 เพื่อลดส่วยเสริมกามราคะ ละกำหนัดในกาย ธุลีเริงทั้งหลายและความเป็นเด็ก

ศีลขาด
คือ เจตนา เต้น ร่ายระบำ รำฟ้อน หรือทำท่าทางยั่วให้เกิดราคะ โทสะ โมหะ (นัจจะ) ขับร้อง เอื้อนเอ่ยบรรเลงเพลงยั่วให้เกิดราคะ โทสะ โมหะ (คีตะ) ประโคมดนตรี เครื่องเสียง เครื่องเคาะ เครื่องสายต่างๆ ยั่วให้เกิดราคะ โทสะ โมหะ (วาทิตะ) หาอ่าน หาดู หารู้ รับทราบสิ่งอันเป็นข้าศึกแก่ใจเร้าให้เกิดราคะ โทสะ โมหะ (วิสูกะทัสสะนา) และเจตนาประดับตบแต่งด้วย ดอกไม้ พวงดอกไม้ (มาลา) กลิ่นหอมเครื่องหอมเครื่องสำอาง (คันธะ) หรือลูบไล้พอกทาแต้มเติม (วิเลปะนะ) หรือสวมใส่ทรงไว้ทรงจำ (ธาระณะ) หรือแต่งเสริมเติมแต้มด้วยเครื่องประดับต่าง ๆ (มัณฑะนะ) ด้วยการประดับแต่งเสริมเติมแต้มที่ไม่สมควรไม่ใช่ฐานะอันควร (วิภูสะนัฏฐานา) ทั้งหมดจะเจตนายั่วคนอื่น หรือบำเรอตนก็จัดอยู่ในข้อศีลขาด

ศีลทะลุ
คือ เจตนากล่าววาจาชักชวน โน้มเหนี่ยวนำพาตน คนอื่น สู่การขับร้อง ประโคมดนตรีอันเป็นมหรสพ หรือเป็นข้าศึกแก่กุศล หรือชวนอ่าน ชวนดู รับรู้ รับทราบสิ่งอันเป็นข้าศึกแก่ใจ และโน้มน้าวกล่าวชวนแต่งเติมเสริมประดับด้วยดอกไม้ ของหอม เครื่องสำอางทั้งเครื่องประดับต่างๆ ที่ไม่สมควร ไม่สอดรับกับฐานะ หรือพร่ำพิไรใฝ่ถึงซึ่งสิ่งดังกล่าว

ศีลด่าง
คือ มีใจทะยานอยากในส่วยเสริมกามราคะ ปรุงใจถวิลไปในบันเทิงเริงรมย์ เชิงร่ำร้อง ประโคมดนตรี หรือสิ่งดู รับรู้อันเป็นข้าศึกแก่ใจ ทั้งเครื่องลูบไล้ ดอกไม้ของหอม เครื่องสำอางต่าง ๆ หรือประสบการณ์เก่าก่อนนึกย้อนมาเสพ

ศีลพร้อย
คือยังมีใจยินดีในส่วยเสริมกามราคะ เห็นผู้อื่นเสพส่วยเสริมกามราคะ ยังยินดีบ้าง มีใจริษยาบ้าง มิได้เกิดปัญญาเห็นโทษภัยในส่วยเสริมกามราคะ และการเสพสิ่งดังกล่าว

เป็นไทโดยศีล
คือ ขัดเกลาตนจนอิสระเสรี หมดความยินดี และสิ้นความผลักไสชิงชังในการร้องรำ ประโคมดนตรี และการปรับปรุงระดับต่างๆ หรือไม่มีความพร้อย ความด่าง ความทะลุ หรือขาดทางศีลธรรม โดยเฉพาะเรื่องส่วยเสริมกามราคะ หรือการบันเทิงเริงประดับนี้ (การทำท่าทางเพื่อให้ละหน่ายคลายจากราคะ โทสะ โมหะ เป็นมงคลอันอุดมไม่ใช่มหรสพ)




ตรวจศีลข้อ8

ศีลข้อ 8 อุจฺจาสยนมหาสยนา เวรมณี สิกฺขาปทํ สมาทิยามิ
ศึกษาสมาทานเพื่อการลด งด เว้นขาด จากความมักใหญ่
เจตนารมณ์ศีลข้อ 8 เพื่อลดมานะ ละอัตตา (โอฬาริกอัตตา มโนมยอัตตา อรูปอัตตา)

ศีลขาด
คือ เจตนาเสพที่นอน ที่นั่ง บัลลังก์ ที่อยู่อาศัยใหญ่โตเขื่องหรู หรืออยู่และนั่งในยศตำแหน่งแห่งงาน การดำรงชีพอันเขื่องโข เพื่ออวดใหญ่อวดโต โดยเกิดจากใจอุจาด

ศีลทะลุ
คือ เจตนากล่าววาจาชักชวนโน้มเหนี่ยวนำพาตน คนอื่น สู่การนั่ง การนอน การอยู่อันเขื่องหรู ใหญ่โต โดยใจมักใหญ่ หรือกล่าววาจายกตนข่มคนอื่น สำแดงความเป็นใหญ่ โอ่ประโลมอัตตายิ่ง ๆ ขึ้นไป พร่ำพิไรใฝ่ถึงซึ่งที่นั่งที่นอนที่อยู่อันหรูหราใหญ่โต และวาจาใดอันอดมิได้ต่อความมักใหญ่ภายใน

ศีลด่าง
คือ มีใจทะยานอยากในความใหญ่ ปรุงใจถวิลไปในที่นั่ง ที่นอน ที่อยู่ ยศตำแหน่งแห่งปรารถนาอันใหญ่ (มโนมยอัตตา) และเรื่องราวคราวใหญ่ในกาลก่อน นึกย้อนมาเสพ

ศีลพร้อย
คือ มีใจยินดีในความเป็นใหญ่ อยู่ใหญ่ของตน คนอื่น แม้เห็นคนอื่นเสพ หรือเป็นอยู่เป็นไปในความใหญ่ ทั้งนั่งใหญ่ นอนใหญ่ หรือยศตำแหน่งแห่งที่เขื่องหรู ยังมีใจยินดีที่ตนเป็นใหญ่ มีใจริษยาเมื่อคนอื่นใหญ่ มิได้เกิดปัญญารู้แก่นรู้กาก ของการเป็นอยู่เป็นไปในชีวิตที่พอเหมาะพอควร พอดีสมฐานะ รวมไปถึงอรูปอัตตาที่ยึดเป็นตะกอนนอนนิ่งในจิตทั้งปวง

เป็นไทโดยศีล
คือ ขัดเกลาตนจนอิสระเสรี แม้พัฒนาตนได้ดียิ่งขึ้น เก่งยิ่ง เป็นเลิศยิ่ง ก็ไม่มีความหลงใหลในการเป็นอยู่ เป็นไป ในที่นั่ง ที่นอน ยศตำแหน่งแห่งการงาน การดำรงชีวิตหรือไม่มีความพร้อย ความด่าง ความทะลุ หรือขาดทางศีลธรรม โดยเฉพาะสายอัตตามานะนี้

 

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ผลกรรมจากการผิดศีล 5 อย่างละเอียด


ผิดศีลข้อ 1 ( ฆ่าสัตว์,เบียดเบียนทำร้ายสัตว์,กักขังทรมาณสัตว์) ผลกรรมคือ
1. มักมีปัญหาสุขภาพ ขี้โรค มีโรคเรื้อรัง รักษาไม่หาย รักษายุ่งยาก
2. มีอุบัติเหตุบ่อยๆ อาจมีอุปฆาตกรรม คือกรรมตัดรอน ทำให้ตายก่อนอายุขัย
3. อาจพิกลพิการ มีปัญหาร่างกายไม่สมส่วน ไม่สมประกอบ
4. กำพร้าพ่อแม่ คนใกล้ตัวโดนฆ่า
5.อายุสั้น ตายทรมาณ ตายแบบเดียวกับที่ไปฆ่าไปทรมาณสัตว์ไว้
6. อัปลักษณ์ มีปมด้อยด้านสังขาร

แนะนำหนทางทุเลา — ตั้งสัจจะว่าจะพยายามไม่ฆ่าสัตว์ ไม่ทำร้ายหรือเบียดเบียน ไม่แกล้ง ไม่กักขัง ว่างๆก็ไถ่ชีวิตสัตว์ เช่นไปตลาดซื้อปลาที่เค้ากำลังจะขายให้คนไปทำกิน ให้เราซื้อไปปล่อยในเขตอภัยทาน (ท่าน้ำของวัด) หรือ ซื้อยาสมุนไพร ยาแผนปัจจุบันไปให้ถวายพระที่วัด หรือไปตามโรงพยาบาลทั้งของคนปกติและ ของสงฆ์เพื่อบริจาคค่ารักษา หรือรับอุปถัมภ์ค่ารักษาพยาบาล บริจาคเลือดและร่างกายให้สภากาชาดไทยหรือตามโรงพยาบาลต่างๆ และอื่นๆตามแต่ท่านจะสะดวกและตามกำลัง



ผิดศีลข้อที่ 2 (ลักทรัพย์ ขโมย ฉ้อโกง ยักยอก ทำลายทรัพย์) ผลกรรมคือ


1. ธุรกิจไม่เจริญก้าวหน้า เจ๊ง ขาดทุน ฝืดเคือง โดนโกง
2. มีแต่อุบัติเหตุให้เสียทรัพย์สิน ต้องชดใช้ให้คนอื่นอย่างไร้เหตุผล
3. ทรัพย์หายบ่อยๆหลงลืมทรัพย์วางไว้ไม่เป็นที่ หาก็ไม่เจอ
4. มีคนมาผลาญทรัพย์เรื่อยๆทั้งคนใกล้ตัวและคนทั่วไป
5. ลูกหลานแย่งชิงมรดก โดนลักขโมยบ่อยๆ
6.ตระกูลอับจนไม่มีที่สิ้นสุด มีแต่คนมาทำลายทรัพย์

แนะนำหนทางทุเลา — ตั้งสัจจะไม่ยุ่งกับทรัพย์สินของคนอื่น หากอยากได้ให้ขอเสียก่อน จนกว่าเจ้าของจะอนุญาตด้วยความเต็มใจ หมั่นทำบุญสังฆทาน บริจาคค่าน้ำค่าไฟวัด เพื่อที่ศาสนาจะได้ไม่ขาดแคลนปัจจัยส่งผลบุญให้เราไม่ขัดสน มอบทุนการศึกษาแด่ผู้ที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ผลบุญทำให้เรามีปัญญาที่จะหาทรัพย์ อย่างสุจริต รวม ทั้งต้องตั้งสัจจะที่จะมีสัมมาอาชีพไม่ฉ้อโกงใครแม้แต่สลึงเดียว และอื่นๆตามแต่ท่านจะสะดวกและตามกำลัง



ผิด ศีลข้อ 3 (ประพฤติผิดในกาม ผิดลูกเมียเขา ล่วงเกินบุตรธิดาของผู้อื่นก่อนได้รับอนุญาต แย่งคนรักของคนอื่น,กีดกันความรักคนอื่น,นอกใจคู่ครอง,หลอกลวง, ข่มขืน,ค้าประเวณี, ล่วงเกินทางเพศต่างๆ) ผลกรรมคือ
1. หาคู่ครองไม่ได้ ,ไม่มีใครเอา, หน้าตาอัปลักษณ์ ,โดนเพศตรงข้ามล้อเลียนจนมีปมด้อย
2. เป็นหม้าย ,ผัวเมียตายจาก, ผัวหย่าเมียร้าง,คบใครก็มีเหตุให้หย่าร้างเลิกรา
3. คนรักนอกใจ ,คนรักมีชู้ ,มีเมียน้อย ,คบใครก็เจอแต่คนเจ้าชู้ ,โดนหลอกฟัน, ท้องไม่รับ, เสียตัวฟรี ,โดนข่มขืน
4. ไม่มีมิตรจริงใจ, เพื่อนฝูงไม่รัก, พี่น้องก็ไม่รัก ,พ่อแม่ทอดทิ้ง ,ชีวิต
ขาดความอบอุ่น, มีแฟนก็ไม่มีใครจริงจังด้วย,ครอบครัวไม่อบอุ่น
5.มีความผิดปกติทางเพศทางร่างกาย,ทางจิตใจ,ถูกกีดกันทางความรัก,สังคมไม่ยอมรับความรักของตน,มีความรักหลบๆซ่อนๆ
6. ต้องมีเหตุพลัดพรากจากคนรักและของรักอยู่เสมอ(ก่อนเวลาอันควร)

แนะนำหนทางทุเลา — ตั้งสัจจะว่าจะไม่ทำผิดเรื่องทางเพศ ไม่ทำให้ใครรู้สึกผิดหวังเสียใจในเรื่องความรัก ไม่กีดกัน ไม่คิดแย่งหรือไปรักกับคนรักของใคร ไม่คิด
ทำร้ายความรู้สึกคนรัก ไม่ล่วงเกินบุตรธิดาของใครก่อนได้รับอนุญาต รักเดียวใจ
เดียว ไม่นอกใจไม่มีกิ๊ก พอใจในคู่ครองของตนเอง
หมั่นทำบุญถวายเทียนคู่ให้วัด ถวายธงคู่ประดับวัด ช่วยออกค่าใช้จ่ายงานแต่งงานและอื่นๆตามแต่ท่านจะสะดวกและตามกำลัง หรือให้ธรรมะด้านความรักแก่คู่รักที่รู้จัก เอาใจใส่คู่ครองคนรัก เอาใจใส่พ่อแม่ของตนเอง หากรักพ่อแม่เอาใจใส่พ่อแม่อย่างดีจะได้รับผลบุญทำให้ความรักของเราสดใสไม่ เจ็บช้ำ หากทรมาณพ่อแม่ ทำอย่างไรกับพ่อแม่ไว้ ต่อไปชีวิตรักก็จะเลวร้ายพอๆกับความรู้สึกเสียใจของพ่อแม่ที่เราได้กระทำไว้



ผิด ศีลข้อ 4 (โกหก ปลิ้นปล้อน กลับคำ ไม่มีสัจจะ หลอกลวงผู้อื่น ใส่ร้ายผู้อื่น ยุแยงให้คนแตกกัน ใช้วาจาดูหมิ่น พูดส่อเสียด พูดคำหยาบ ขี้โม้ นินทา ด่าทอ ด่าพ่อล้อแม่ ด่าและเถียงผู้มีพระคุณ ผิดสัญญา สาบานแล้วไม่ทำตาม ) ผลกรรมคือ
1.ปากไม่สวย ฟันไม่สวย มีกลิ่นปาก มีปัญหาเรื่องปากเรื่องฟันอยู่เนืองนิจ
2.มีแต่คนพูดให้เสียหาย มีคนซุบซิบนินทาเรื่องของเรา มีคนคอยใส่ร้ายดูหมิ่นและส่อเสียดเราอยู่เสมอ
3.ไม่มีใครจริงใจด้วย มีแต่คนมาพูดจาหลอกลวง ผิดสัญญาต่อเรา
4.เกิดในสังคมที่พูดแต่คำหยาบคำส่อเสียดปลิ้นปล้อน นินทาอยู่เนืองนิจ เพียงตื่นมาก็พบเจอความไม่เป็นมงคล (สังคมที่ปากไม่เป็นมงคล)
5.หลงเชื่อคนอื่นได้ง่าย โดนหลอกได้ง่าย ไม่มีความระวังเวลาโดนโกหก
6.ไม่มีใครเชื่อถือในคำพูดของเรา, เป็นคนที่พูดอะไรแล้วคนเมิน,พูดติดๆขัดๆ, นึกจะพูดอะไรก็ไม่ได้ดั่งใจ

แนะนำหนทางทุเลา โดย” ตั้งสัจจะว่าจะไม่พลั้งปากโกหกหรือส่อเสียด นินทายุแยงใคร ไม่ด่าใคร พูดตามความเป็นจริงทุกอย่าง สิ่งใดควรพูดก็ควรพูด ไม่ควรพูดก็อดทนไว้ ไม่ด่าไม่เถียงไม่นินทาผู้มีพระคุณเช่นพ่อแม่ครูบาอาจารย์ ให้คำสัญญาใครไว้ต้องรักษา อย่าสาบานอะไรพร่ำเพรื่อ ว่างๆก็ออกค่าใช้จ่ายให้ค่าทำฟันแก่คนยากคนจนและอื่นๆตามแต่ท่านจะสะดวกและ ตามกำลัง หมั่นให้สัจธรรมความจริงแก่คนทั่วไป พูดแต่ธรรมะ สอนธรรมะอยู่เสมอ หมั่นพูดหรือเผยแพร่ธรรมะให้คนอื่นฟังบ่อยๆ ทำตัวให้มีธรรมะให้มีสัจจะ พูดอะไรก็ไม่ผิดคำพูดไม่กลับคำ ไม่หลอกลวงใคร คนจะเชื่อถือมากขึ้น



ผิดศีลข้อ 5 (ดื่มของมึนเมา เสพยาเสพติด ให้ยาเสพติด ให้ของมึนเมา ขายของมึนเมา ขายยาเสพติด) ผลกรรมคือ
1. สติปัญญาไม่ดี ขี้หลงขี้ลืม เรียนไม่เก่ง อ่านหนังสือไม่จำ อ่านยังไงก็ไม่เข้าใจ
2. เกิดในตระกูลที่โง่เขลา เต็มไปด้วยอบายมุข
3. หากกรรมหนักจะเกิดเป็นเอ๋อ ปัญญาอ่อน เป็นโรคทางปัญญา
4. ลูกหลานสำมะเลเทเมา มีลูกหลานติดยาเสพติด
5. เกิดอุบัติเหตุได้ง่าย ไม่มีสติระวัง มีแต่ความประมาท
6. มักลุ่มหลงในสิ่งผิดได้ง่าย เป็นคนที่โดนมอมเมาให้หลงใหลในสิ่งผิดได้ง่าย (ขาดสติ)

แนะนำหนทางทุเลา โดย” ตั้งสัจจะว่าจะไม่ดื่มของมึนเมาและยาเสพติดทุกชนิด ไม่จำหน่าย จ่ายแจกของมึนเมาและยาเสพติดทุกชนิด หมั่นทำธรรมทานวิทยาทานให้ปัญญาความรู้แก่คนทั่วไป และอื่นๆตามแต่ท่านจะสะดวกและตามกำลัง

ขอขอบคุณ:http://board.palungjit.com/f8/%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%A7%E0%B8%88%E0%B8%A8%E0%B8%B5%E0%B8%A5-%E0%B8%A8%E0%B8%B5%E0%B8%A5%E0%B8%82%E0%B8%B2%E0%B8%94-%E0%B8%A8%E0%B8%B5%E0%B8%A5%E0%B8%97%E0%B8%B0%E0%B8%A5%E0%B8%B8-%E0%B8%A8%E0%B8%B5%E0%B8%A5%E0%B8%94%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87-%E0%B8%A8%E0%B8%B5%E0%B8%A5%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%A2-341412.html

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

 
ขอขอบคุณ http://www.youtube.com : เพลงพระทอง-นางนาค / พงษ์สิทธิ์ คัมภีร์